Port Output
เมื่อ
มี
การ
ส่ง
ข้อ
มูล
ที่
มี
ค่า
เป็น 0 ให้กับแต่
ละ
บิตของ
พอร์ตทุก
พอร์
ต ข้อ
มูล
นี้
จะ
ถูก
ส่ง
ให้กับฟลิปฟลอปซึ่ง
จะ
ค้างค่า
นี้
ไว้ และ
มี
ผล
ทำ
ให้
ทรานซิสเตอร์
ที่
ทำ
หน้า
ที่
ขับ
สัญญาณ
เอาต์พุตนั้น
ทำ
งาน ดัง
นั้น
ขา
สัญญาณ
ก็
จะ
มี
สภาวะ ลอจิก
เป็นลอจิกต่ำ
ส่วน
การ
ส่ง
ข้อ
มูล
ที่
มี
ค่า
เป็น 1 ออก
มา
นั้น ใน
กรณี
ที่
เป็น
การ
ทำ
งาน
ใน
แต่
ละ
บิตของ
พอร์
ต 1,2 หรือ 3 จะ
ทำ ให้ทราน
ซิสเตอร์ที่
ทำ
หน้า
ที่
ขับ
สัญญาณ
เอาต์พุตนั้น
หยุด
การ
ทำ
งาน มี
ผล
ทำ
ให้
ขา
ของ
สัญญาณ
เป็นลอจิก
สูง
ด้วย
ตัว ต้าน
ทาน
ที่ Pull-up อยู่
ภาย
ใน
นั้น แต่
สำหรับ
การ
ทำ
งาน
ใน
แต่
ละ
บิตทางพอร์ต 0 นั้น
จะ
มี
ผล
ที่
แตก
ต่าง
ออก
ไป โดย
ขา สัญญาณ
จะ
เป็น
สภาวะอิมพีแดนซ์สูง
แทน เนื่อง
จาก
ไม่
มี
ตัว
ต้าน
ทาน
ภาย
ใน
เชื่อม
ต่อ
อยู่
นั่น
เอง ดัง
นั้น
ใน
การ
ใช้
งาน
พอร์
ต 0 เป็น
การ
เอาต์พุตข้อ
มูล จึง
จำเป็น
ต้อง
ใช้
ตัว
ต้าน
ทาน
ภาย
นอก Pull-up สัญญาณ
ไว้กับลอจิก
สูง
แทน ความ
สามารถ
อีก
ประการ
หนึ่ง
เกี่ยวกับพอร์ตอินพุต
/เอาต์พุตของ 8051 เป็น
วิธี
การ
อ่าน
ลิ
จิก
จาก
พอร์ตซึ่ง
มี
ได้
สองวิธี
คือ การ
อ่าน
ค่าลอจิก
ที่
ขา
สัญญาณ (Port pin) และ
วิธี
การ
อ่านลอจิก
ของ
การ
แลตช์ที่
พอร์
ต (Port latch) ดัง
จะ
สังเกต
ได้
จากรูป
ที่ 4.2 วิธี
การ
อ่าน
ค่า
จาก
พอร์ต ทั้ง
สอง
แบบ
นี้
จะ
ช่วย
ให้
ระบบ
ทำ
งาน
ได้
ด้วย
ความ
ถูก
ต้อง
มาก ยิ่ง
ขึ้น ยก
ตัว
อย่าง
เช่น หาก
ว่าพอร์ตถูก
นำ
ไป
ต่อกับขา
เบส
ของ
ทรานซิสเตอร์
แบบ NPN และ
ขาอิมิตเตอร์ต่อกับก
ราวด
์ ของ
ระบบ เมื่อ
มี
การ
ส่ง
ค่า 1 ออก
ไปจะ
มี
ผล
ทำ
ให้
ทรานซิสเตอร์
ทำ
งาน ใน
ขณะ
นั้น
ถ้า
ซี
พียูมี
การ
อ่าน
ค่า
ลิ
จิก
จาก
ขา สัญญาณ
ของ
พอร์ตนี้
ก็
จะ
ได้
ค่าลอจิก
ต่ำ
เนื่อง
จาก
มองเห็นค่าศักย์ไฟฟ้าระหว่างขาเบสและขาอิมิตเตอร์ซึ่งมีค่าประมาณ 0.6 โวลต์แทนดังนั้นในกรณีเช่นนี้หากว่าเป็นการอ่านค่าจากลอจิกของการแลตช์ ก็จะได้รับค่าระดับลอจิกสูงซึ่งเป็นค่า ที่ถูกต้องสภาพที่เป็นจริง
ที่มาของเนื้อหาและรูปภาพ http://www.cpe.ku.ac.th/~yuen/204471/micro/mcs51/8051_5.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น